ถือเป็นศาสตร์ใหม่ที่จะมาเปิดโลกทัศน์สำหรับเจ้าของที่รักสัตว์เลี้ยงมากๆ สำหรับ ศาสตร์ Animal Communication ที่ดูคล้ายกับศาสตร์หมอดูของคนแต่ใช้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่ง “คุณไก่ – อารีรัตน์ กฤษณะสมิต” ผู้บริหารแบรนด์เครื่องประดับสุดหรู เลือกที่จะศึกษาด้วยตัวเอง เพราะเสียสุนัขสุดที่รักไป ล่าสุดคุณไก่ยังได้รับเชิญร่วมแถลงข่าว เปิดคัดนักแสดง ซีรี่ย์ “Love Pets Club” (เพื่อนซี้หัวใจพูดได้) ที่เซ็นทรัลอีสวิว อีกด้วย
ตัวพี่เองเป็นคนรักสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขค่ะ ก็มีเลี้ยงไว้ที่บ้าน 2 ตัว ทางผู้จัดซีรี่ส์ทราบว่าพี่ศึกษามาด้านสื่อสารกับสัตว์ พี่เขาบอกว่าศาสตร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการสร้างละครเรื่องนี้ ก็เลยเชิญมาร่วมพูดคุยและเปิดโลกทัศน์ ในงานเปิดตัวละครครั้งนี้ค่ะ
“ปกติศาสตร์ animal communication นี้เราจะไม่ดูกับคนนะคะเพราะว่านอกจากคนจะช่วยเหลือตัวเองและสามารถเลือกทางของตัวเองว่าจะปฎิบัติตัวอย่างไร ในส่วนของสัตว์เจาเกิดมาใช้กรรมของเขา ถ้าโชคดีหน่อยจะมีได้อยู่กับเจ้าของที่ดูแลเขาด้วยความรัก
อันนี้ถ้าจะให้บอกก็คือเราไม่ใช่หมอดูเป็นการส่งคลื่นวิทยุให้เรากับสัตว์อยู่ในคลื่นเดียวกัน เปรียบเหมือนกับ คลื่น WiFi หรือ Bluetooth “ อารีรัตน์ กฤษณะสมิต…เกริ่นนำก่อนเล่าต่อว่า..
อาจารย์ของพี่ต้องเรียกว่าเป็นนัมเบอร์วันของประเทศสิงคโปร์ ชึ่งพี่กับเพื่อน จะเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่อาจารย์ Ezekiel Ong มาสอนที่เมืองไทยครั้งแรก เราจะมีการฝึกฝนกลุ่มกับนักเรียน สิงค์โปร์ หลังจากจบ level 2 โดยการเป็นกลุ่มที่เคทุกคนก็จะส่งข้อมูลสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาให้เพื่อนๆสื่อสารเพื่อเป็นการฝึกฝนค่ะ
การที่เราสื่อกับสัตว์แต่ละครั้งเราต้องมี energy exchange หมายความว่าจะมีค่า service fee สำหรับการใช้บริการสื่อสาร ตอนเราฝึกฝนกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนๆ ก็ให้เพื่อนๆเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำเลี้ยงกาแฟหรือฝากเงินไปทำบุญ ซึ่งจริงๆ แล้วการแลกเปลี่ยนหรือการใช้ Animal คอมมิวนิเคชั่นนั้นไม่ได้ทำได้เฉพาะสุนัขกับแมวหรือหมากับแมวแต่เราสามารถทำกับสัตว์ได้เกือบทุกชนิด ที่มีเจ้าของนะค่ะ
ต้องบอกว่าจริงๆ ศาสตร์นี้มีมานานแล้ว แล้วก็ได้รับการยอมรับทั่วโลกด้วย มีสมาคมกำลังจะเปิดต้นปีหน้า ตั้งอยู่ประเทศ สวิสเซอร์แลนด๋ International Professional Animal Communication Association (IPACA) แต่ว่าในประเทศไทยยังไม่มีคนที่เข้าใจมันจริงๆ อย่างของคุณ Ezekiel Ong อาจารย์ เองเขาเรียนสายตรง มาจาก คุณ Rosina Maria Arquati ที่เป็นคน Italian ที่ริเริ่มศาสตร์ animal communication ท่านเสียไปแล้วนะค่ะ และคุณ Ezekiel ก็อยู่ในสายนี้ มาเป็น 11 ปีแล้ว อีก 3 ปีคุณก็จะเรียนจบสัตว์แพทย์ด้วย คุณก็ช่วยมาเป็นพันๆ เคส เขามีชื่อเสียงมากในเอเชียและสิงคโปร์ พวกเรารู้จักเขาเพราะเคยเป็นลูกค้ามาก่อนและก็สนใจศาสตร์นี้ด้วยเลยไปเรียนกับเขา
ศาสตร์นี้จำเป็นต้องนั่งสมาธิทุกวันเพื่อให้จิตนิ่งเพื่อสื่อสารกับสัตว์จะได้ไม่พลาด?
การที่เราจะสื่อกับสัตว์พวกนี้สิ่งสำคัญเลยเราต้องนั่งสมาธิทุกวัน เพราะนอกจากเราจะใช้สมาธิแล้วเราต้องต้องใช้เรกิ (reiki) ซึ่งเรกินั้น คนจะรู้จักในแบบที่เรียกกันว่าพลังจักรวาล เค้าจะเรียกกันว่า เรกิ ฮิลลิ่ง (reiki healing) เป็นศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น อันนี้เป็นศาสตร์ที่คนไทยคุ้นเคยในส่วนการทำ reiki กับคนมานานแล้วค่ะ ส่วนของสัตว์เนั้นเป็นสิ่งใหม่ เพื่อที่จะทำให้จิตเรานิ่ง แนะนำว่าควรนั่งสมาธิเพื่อการที่เราส่งคลื่นไปจะได้อยู่ในระนาบเดียวกัน เพราะการที่เรารับสารจากสัตว์มาถ่ายทอดให้คนมันจะได้ชัดเจน
เปรียบให้เห็นภาพก็จะไม่ได้ชัดเจนเหมือนภาพถ่ายนะค่ะ จะเห็นเป็นสี เป็นรูปร่าง แต่รู้ว่าคืออะไร สำหรับการสื่อสารกับสัตว์ จะคล้ายๆกับภาพยนต์เรื่องอวตาร์ที่ก่อนที่พระเอกจะขี่ม้าเค้าก็จะใช้หางม้ามาแตะที่ผมเค้า เพื่อเป็นการสื่อ เหมือนเราใช้จิตสื่อกัน เคยมีคนอินเดียเค้าอ่านข้อมูลมาแล้วทราบว่าพี่เรียนศาสตร์นี้มาเค้าก็เลยติดต่อเข้ามาหาพี่แล้วก็บอกว่าเค้าศึกษาศาสตร์นี้มา 10 ปีศึกษาด้วยตัวเองและสนใจมาก แล้วเค้าบอกว่าเค้าไปเล่าให้ใครฟังเค้าคนอื่นก็จะคิดว่าผมคิดไปเองไหมว่าสื่อสารกับสัตว์ได้
ที่ตัดสินใจเรียนศาสตร์ Animal communication เพราะเสียสุนัขที่รักมากไป?
ส่วนตัวพี่ที่ตัดสินใจศึกษาครั้งแรกก็เพราะพี่เสียสุนัข น้องดีดี้ ที่พี่รักไปแล้วก็ คนที่รู้เรื่องศาสตร์นี้บอกพี่ลองให้คนที่ศึกษาศาสตร์นี้คุยกับน้องดีดี้ให้ว่าน้องเป็นยังไงบ้างอยู่ที่ไหนอะไรยังไงตอนนั้นพี่ก็เลยคิดว่าน่าจะลองดู แล้วพอได้ศึกษาจริงๆ ก็เลยรู้สึกว่า ศาสตร์นี้ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือคนที่รักสัตว์เลี้ยง ได้เข้าใจสัตว์ของเค้า แล้วก็สามารถจะปรับตัว เปลี่ยนพฤติกรรมทั้งคนเลี้ยงแล้วก็เข้าใจสัตว์เลี้ยงได้มากยิ่งขึ้น
หลักใน การสื่อ กับสัตว์นั้นเราต้องสื่อกับสัตว์ที่มีมีเจ้าของและไม่ใช่สื่อกับอะไรที่ชาเลนจ์เกินไป เช่น ลิงที่ลพบุรีที่ไม่มีเจ้าของอันนั้นเราสื่อไม่ได้ คือการที่เราดูสัตว์มีเจ้าของ เพราะถ้าเจ้าของเองก็จะทราบว่าที่เราดูสัตว์ของเค้าไป เค้าก็จะรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง ส่วนใหญ่การสื่อกับสัตว์ถ้าตายไปแล้วก็จะใช้ประมาณ 5คำถามแต่ถ้าสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่เราจะให้ถามแค่ 3 คำถาม ส่วนราคาจะประมาณ100 Singapore dollars 3คำถามสำหรับ สัตว์ที่มีชีวิต 5 คำถามสำหรับสัตว์ที่เสียชีวิตแล้วค่ะส่วนใหญ่ คำถามก็จะเป็นประมาณว่า เป็นยังไงบ้าง ชอบอาหารที่ทานมั้ย
อย่างของคุณแคนดี้ รากแก่น ตอนที่ให้พี่ไปสื่อให้ตอนนั้นน้องของคุณแคนดี้ซึ่งเป็นแมวอยู่โรงพยาบาล ซึ่งทีแรกก็ต้องบอกว่าคุณแคนดี้ไม่ได้เชื่อ แต่พอเราสื่อแล้วบอกกับคุณแคนดี้ได้ คุณแคนดี้ก็เลยเชื่อมากขึ้นจนปัจจุบันคุณแคนดี้มาเรียนกับคุณ Ezekiel โดยที่พี่ร่วมสอนด้วยค่ะ
มีประสบการณ์การสื่อกับสัตว์มาหลายชนิด?
ตอนที่พี่ไปเรียน level 2 (Animal healing and Communication)ก็มีสื่อกับแร็กคูน เต่า ชินชีล่า กระต่าย มีนกแล้วก็หนูแฮมสเตอร์ การสื่อเราต้องมีสมาธิในการสื่อทำให้จิตสงบ ซึ่งบางคนจะได้รับแมสเสจไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นความรู้สึกเสียใจร้องไห้หิวโกรธแตกต่างกันออกไป บางครั้งบางครั้งก็จะส่งมาบอกว่าเค้าเป็นอะไรปวดท้องหรือเจ็บขาความรู้สึกเหล่านั้นจะถูกส่งต่อมาที่เรา ซึ่งหากเราสื่อเสร็จแล้วเราต้องรีบตัดความรู้สึกนั้นทันทีด้วยนะคะ
การสื่อสารกับสัตว์ เป็นศาสตร์ที่ทำให้ผู้ให้และผู้รับมีความสุข สุขที่เห็นรอยยิ้มที่คืนกลับมาของผู้ที่สูญเสีย แล้วก็รอยยิ้มของเจ้าของที่เข้าใจความรู้สึกความคิด ของสัตว์เลี้ยง อย่าให้เขาเป็นฝ่ายให้พลังบวกกับเราฝ่ายเดียว ถ้าสามารถส่งกลับไปให้เขาได้ แค่พูดดีๆกับเขาทุกวัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคุณก็จะส่งพลังบวกให้คนรอบข้างแล้วค่ะ
ใครสนใจเรียนหรือจะใช้ service สามารถพูดคุยกันได้นะค่ะ
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่คุณเอนจอย โทร 094-469-4963 หรือแอดไลน์ตามคิวอาร์โคด ได้เลยค่ะ