เป็นหนึ่งในนักแสดงคุณภาพอีกคนหนึ่งที่เมื่อไหร่ที่ปล่อยผลงานออกสู่สายตาแฟนๆ บอกได้เลยว่า ล้วนเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซจริงๆ สำหรับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พระเอกแถวหน้าของช่อง 3 ที่ทุกงานที่เขาทำ ล้วนบ่งบอกได้เลยว่า เป็นงานที่คิดและทำออกมาด้วยความทุ่มเท บอกยี่ห้อว่าคือ ณเดชน์ ตัวจริง
ณเดชน์ ถือเป็นนักแสดงคุณภาพของช่อง 3 ที่พัฒนาฝีมือ และความสามารถอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เขาเข้าวงการเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยการชักนำของผู้จัดการมือทองอย่าง “เอ-ศุภขัย ศรีวิจิตร” ซึ่งตอนนั้น ณเดชน์ มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น


การปูทางเข้าสู่วงการบันเทิงของ ณเดชน์ ต้องใช้เวลาเตรียมตัวกว่า 2 ปี โดยเขาต้องเตรียมพร้อมทั้งเรื่องของบุคลิกภาพ และความสามารถทางการแสดง ซึ่งงานแรกที่เขาเริ่มทำคือการเดินแบบให้กับงานการกุศลของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จากนั้น ณเดชน์ ก็มีงานเดินแบบและถ่ายแบบให้กับหัวนิตยสารหลายฉบับที่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่ออายุได้ 17 ปี ณเดชน์ เปิดตัวด้วยผลงานโฆษณาเรื่องแรกที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะเขาถูกจับคู่ให้แสดงกับนางเอกซุปตาร์อย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ถือเป็นการเปิดตัวดาวรุ่งหน้าใหม่ที่ชื่อ ณเดชน์ คูกิมิยะ ได้เป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ. 2552 ณเดชน์ เดินเข้าสู่ชายคาสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ และได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดงละครเรื่องแรก “เงารักลวงใจ” ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นโปรเจ็กต์พิเศษที่ใช้นักแสดงนำเป็นเลือดใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หมาก-ปริญ สุภารัตน์, มิ้นท์-ณัฐวรา วงศ์วาสนา, กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย และ ณเดชน์ คูกิมิยะ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนปัจจุบันนี้ทุกคนล้วนเติบโตเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของวงการบันเทิงไทย
สำหรับผลงานละครเรื่องแรกของ ณเดชน์ ที่แม้จะรับบทเป็นนักแสดงสมทบ แต่ผลงานเรื่องต่อมาซึ่งเป็นโปรเจ็กต์พิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของช่อง 3 จึงมีการสร้างละครชุด “4 หัวใจแห่งขุนเขา” ที่มีทั้งหมด 4 ตอน โดย ณเดชน์ แสดงนำในเรื่อง “ดวงใจอัคนี” คู่กับ “ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บันด์”
กระแสตอบรับของ “ดวงใจอัคนี” ทำให้ทั้ง ณเดชน์ และ ญาญ่า กลายเป็นคู่ขวัญที่โด่งดังในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน และนับจากนั้นมา ณเดชน์ ก็ก้าวสู่การเป็นนักแสดงดาวรุ่งดวงใหม่ที่มีผลงานละครออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เกมร้ายเกมรัก, ธรณีนี่นี้ใครครอง, ละครชุด “เดอะ ไรซิ่ง ซัน” รอยฝันตะวันเดือด, ลมซ่อนรัก, ตามรักคืนใจ, เล่ห์ลับสลับร่าง, ลิขิตรัก เดอะ คราวน์ ปรินท์เซส, ลิขิตรักข้ามดวงดาว และ ลายกินรี เป็นต้น


นอกจากผลงานละครแล้ว ณเดชน์ มีโอกาสได้ชิมลางงานภาพยนตร์ถึง 2 เรื่องด้วยกัน โดยเรื่องแรก ภาพยนตร์ “คู่กรรม” ประกบนางเอกใหม่ “ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส” และเรื่องที่สอง “นาคี 2” แสดงคู่กับ ญาญ่า-อุรัสยา ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งกระแสตอบรับและรายได้ และถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี พ.ศ. 2562 โดยทำรายได้สูงถึง 441.2 ล้านบาท (สี่ร้อยสี่สิบเอ็ดจุดสองล้านบาท)
สำหรับการเติบโตในเส้นทางสายวงการบันเทิงของ ณเดชน์ คูกิมิยะ กว่า 15 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งกระแสความนิยม รายได้ และผลงานแต่ละชิ้นที่ ณเดชน์ ทุ่มเทและสร้างสรรค์ออกมาสู่สายตาแฟนๆ ซึ่งความทุ่มเทของพระเอกคนนี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีวินัยและความรับผิดชอบสูง จนผู้จัดละครหลายๆ ท่านถึงกับออกปากชม เช่นเดียวกับ ละครเรื่อง “สืบลับหมอระบาด” ของผู้จัดฯ อ้อม-พิยดา ที่ได้ร่วมงานกับพระเอก ณเดชน์ เป็นครั้งแรก ก็ยังออกปากชื่นชมว่าเขาเป็นนักแสดงที่มีความรับผิดชอบสูง นิสัยดีและน่ารักมาก
ปัจจุบัน ณเดชน์ มีผลงานละครออกมาเพียงปีละ 1 เรื่อง แต่ก็ถือเป็น 1 เรื่องที่มีคุณภาพระดับมาสเตอร์พีซของจริง โดยผลงานปัจจุบันที่กำลังจะออกอากาศคือ “สืบลับหมอระบาด” ซึ่งผลงานเรื่องนี้ ณเดชน์ กลับมาโคจรพบกับ คิมเบอร์ แอนโวลเทมัส เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยพบกันในละครเรื่อง “แรงปรารถนา” เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งละครเรื่องนี้ถือเป็นผลงานแนวไซไฟที่ทางค่ายเมจิค อีฟ สร้างสรรค์พล็อตละครขึ้นมาเพื่อความแปลกใหม่ น่าติดตามยิ่งขึ้นครับ


ขอบคุณภาพจาก instagram @kugimiyas