นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการบันเทิงไทย กับการจับคู่ของ 2 นักแสดงสาวดาวรุ่งอย่าง “ฟรีน สโรชา” และ “เบ็คกี้ รีเบคก้า” ที่ทำให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการวาย หรือ เกิร์ล เลิฟ ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นคู่จิ้นหญิงหญิง ที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้
“ฟรีน เบค” ถือเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ที่แม้จะเพิ่งมีผลงานออกมาไม่มาก แต่สำหรับความนิยมในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนจากซีรี่ส์ “ทฤษฎีสีชมพู : แก็บ เดอะ ซีรี่ส์” ก็ทำให้ทั้งคู่ขึ้นแท่นเป็นคู่จิ้นหญิงหญิงสุดฮอตในเวลานี้ ที่หากเอ่ยถึงกระแสความโด่งดัง แน่นอนว่าไม่แพ้คู่จิ้นชายชายอีกหลายคู่ในวงการบันเทิงบ้านเราเลยทีเดียว

สำหรับสาวน้อย “เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทริเซีย อาร์มสตรอง” ลูกครึ่งไทย-อังกฤษวัย 20 ปี ถือเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน และแตกต่าง ด้วยน้ำเสียงและนิสัยขี้อ้อนของ “เบ็คกี้” ทำให้เธอได้รับความรักมากมายจากแฟนคลับที่เข้ามาสนับสนุนเธอ ซึ่งก่อนหน้าที่จะโด่งดังจากซีรี่ส์ “ทฤษฎีสีชมพู : แก็บ เดอะ ซีรี่ส์” เธอเคยชิมลางงานแสดงมาแล้วในซีรี่ส์เรื่อง “ธารไทป์ เดอะ ซีรี่ส์ 2” ในบท “ธัญญ่า” ซึ่งตอนนั้น “เบ็คกี้” อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น
จากนั้นเธอก็ถูกทาบทามให้เข้ามาอยู่ในสังกัดของ “ไอดอล แฟคทอรี่” ที่มี “เซ้นต์ ศุภพงษ์” เป็นผู้บริหารและผลงานเรื่องแรกของ “เบ็คกี้ รีเบคก้า” ภายใต้สังกัด “ไอดอล แฟคทอรี่” ก็คือ ซีรี่ส์ยูริ ที่เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักของหญิงรักหญิง
“ทฤษฎีสีชมพู : แก็บ เดอะ ซีรี่ส์” เป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์แนวซีรี่ส์วายสายเกิร์ลเลิฟ ที่สร้างมาจากนิยายเรื่อง แก็บ เดอะ ซีรี่ส์ (GAP The Series) ถือเป็นซีรี่ส์เกิร์ลเลิฟเรื่องแรกของประเทศไทย ที่นำเสนอเรื่องราวของระยะห่าง ของคนสองคนที่มีความรักให้กัน ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างของชนชั้นทางสังคม ระยะห่างของอายุ และระยะห่างของฐานะทางการเงิน ที่ได้ ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ มาจับคู่กับ เบ็คกี้-รีเบคก้า ซึ่งเคมีของ ฟรีน ที่ได้รับบทเป็น คุณสาม และ เบ็คกี้ ที่รับบทเป็น ม่อน นั้น ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ดังถล่มทลายทั้งในไทยและเอเชีย
หลังจากที่ซีรี่ส์ออนแอร์ทางช่อง 3 HD ไปเพียงไม่กี่ตอน กระแสตอบรับความแรงของคู่จิ้น “ฟรีนเบค” ก็ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง กระแสวายของคู่หญิงหญิง ทำให้ทั้งคู่มีงานถ่ายแบบ งานโชว์ตัว อีเวนต์ และพรีเซนเตอร์เข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงโอกาสทางการแสดงที่วิ่งเข้ามาหาสาวน้อยลูกครึ่ง “เบ็คกี้ รีเบคก้า” คนนี้


นอกจากความสามารถทางการแสดงแล้ว “เบ็คกี้” ยังมีความสามารถทางการร้องเพลงอีกด้วย โดยเธอร่วมร้องเพลงประกอบซีรี่ส์ถึง 4 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ทฤษฎีรักนี้สีชมพู” / เพลง “คิดเหมือนกัน” / เพลง “โน มอร์ บลูส์” / และเพลง “แมรี่ มี” ที่เธอขับร้องร่วมกับ ฟรีน สโรชา ซึ่งแต่ละเพลงก็มียอดวิวในยูทูปขึ้นสู่หลักหลายล้านวิวด้วยกัน
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา “เบ็คกี้” ได้รับทาบทามให้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก “ลอง ลีฟ เลิฟว์” (Long Live Love) โดยเธอรับบทเป็น “นะโม” ลูกสาวของ “ชมพู่ อารยา”ที่ รับบทเป็น “เมตตา” และ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” รับบทเป็น “สติ” ซึ่งการร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่ทั้ง “ชมพู่” และ “ซันนี่” ทำให้ “เบ็คกี้” ปลื้มปริ่มเป็นที่สุด เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่ได้ทำงานกับนักแสดงที่มีความสามารถเช่นนี้ โดยหลังจากนี้ “เบ็คกี้” ยังจะมีผลงานตามมาอีก 2 โปรเจ็กต์ใหญ่
โปรเจ็กต์แรก คือภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ พาสเซนเจอร์” ซึ่งเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย “ไอดอล แฟคทอรี่” และถือเป็นการกลับมารับงานแสดงคู่กันอีกครั้งของ “ฟรีน สโรชา และ เบ็คกี้ รีเบคก้า”
สำหรับโปรเจ็กต์ที่สองที่แฟนๆ สามารถตั้งตารอชมได้ก็คือ โปรเจกต์ “ยูเรนัส 2324” (Uranus 2324) ที่ได้ “ฟรีน และ เบ็คกี้” มานำแสดง ถือเป็นผลงานคุณภาพที่สร้างสรรค์โดย เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ ผู้สร้างซีรี่ส์ “ฟายดิ้ง เดอะ เรนโบว์ : สุดท้าย…ที่ปลายรุ้ง” โดยปล่อยข้อความโปรโมทออกมาว่า “ความรักนั้นลึกกว่ามหาสมุทร และยิ่งใหญ่กว่าจักรวาล” ตามด้วยคำว่า COMING SOON ซึ่งเร็วๆ นี้ แฟนๆ คงได้ติดตามกันอย่างแน่นอน




ขอบคุณภาพจาก instagram @becccca___