อาจจะเป็นการยากที่จะสร้างภาพจำให้ดารานักแสดงคนหนึ่ง กับบทบาทที่เรียกว่า เห็นหน้าก็รู้แล้วว่า จะรับบทเป็นตัวอะไร ถ้าพูดกันในภาษาชาวบ้านแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เห็นหน้าก็บอกยี่ห้อแล้ว …ซึ่งการจะสร้างภาพจำให้คนดูมองเห็นว่านักแสดงคนนั้นตีบทแตกกับบทนั้นๆ จนกลายเป็นคาแรกเตอร์ติดตัวไปตลอด จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
สำหรับพระเอกตัวท๊อปของไทยอย่าง “ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ถือเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการที่แม้ว่าจะฉีกคาแรกเตอร์ไปรับบทพระเอกที่แตกต่างกันในแต่ละคาแรกเตอร์ แต่ภาพจำของผู้ชายหล่อเข้ม ยิ้มอบอุ่น มีความเจ้าชู้นิดๆ และมีเสน่ห์ดึงดูดทางสายตา กลับเป็นภาพจำในบท “สามี” ที่ “ป้อง” เล่นได้เข้าถึงบทบาทที่สุด

“ป้อง ณวัฒน์” ก่อนจะเข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิง เขาเคยทำงานเป็นข้าราชการตำแหน่ง นักเศรษฐกร ประจำสำนักการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง หลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นจึงไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จนมีวันนึงเขาจับผลัดจับผลูเขามาในวงการด้วยการถูกเลือกให้เป็นหนุ่มแพรว ปี 2000 ซึ่งก่อนหน้านั้นอาจจมีงานถ่ายแบบบ้างประปราย
ด้วยบุคลิกของชายไทย หน้าคมเข้ม ยิ้มมีเสน่ห์ ทำให้ “ป้อง” ได้รับการทาบทามให้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด เอ็กแซ็กท์ และมีผลงานละครเรื่องแรก “เลือดหงส์” ตามมาด้วยละครสุดคลาสสิคอย่าง “รักในรอยแค้น” คู่กับนางเอกน้องใหม่ “แนท-เอวิตรา ศิระสาตร์”
ความสามารถทางการแสดงของ “ป้อง” เริ่มฉายชัดขึ้นเมื่อเขามีโอกาสได้ทำงานกับละครหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “สงครามนางฟ้า” ประกบคู่กับ “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ซึ่งละครเรื่องนี้สร้างกระแสความนิยมจนโกอินเตอร์ไปถึงประเทศจีน ตามมาด้วยผลงานเรื่อง “พรุ่งนี้ก็รักเธอ”, “สองปรารถนา” และ “ในรอยรัก” ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกที่ “ป้อง” ข้ามช่องมารับบทพระเอกคู่กับ “อั้ม-พัชรา ไชยเชื้อ”

จากบทบาทชายหนุ่มรูปงาม บุคลิกแสนอบอุ่น เขาเริ่มก้าวข้ามผ่านไปสู่บทบาทที่โตขึ้นของชายหนุ่มที่มีเรื่องราวของความรักต่างวัย ละครเรื่อง “ดอกโศก” ถือเป็นละครเรื่องแรกๆ ที่ “ป้อง” ตีบทได้แตกกระจุย ทำให้ความนิยมของละครเรื่องนี้พาให้เรตติ้งในตอนจบสูงเป็นประวัติการณ์
ด้วยบุคลิก อายุ และประสบการณ์ทางการแสดงของ “ป้อง ณวัฒน์” ทำให้เขามักจะได้รับบทบาทเป็นผู้ชายมีครอบครัว เป็นสามี และเป็นคุณพ่อ จนกลายเป็นคาแรกเตอร์ที่ถูกสร้างภาพจำให้กับคนดูเรื่อยมา จนมาถึงละครร้อนแรงที่เกิดกระแส “พิษสวาทกันทั้งเมือง” อย่างละครเรื่อง “พิษสวาท” ที่ “ป้อง ณวัฒน์” โคจรมาพบกับ “นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี” ในบท “พระอรรค” และ “แม่อุบล” ทำให้เรตติ้งของช่องวันในตอนนั้นพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง
จะเห็นว่าได้ว่าผลงานละครช่วงหลังของ “ป้อง ณวัฒน์” นั้น มักจะได้รับโอกาสให้รับบทหนุ่มเจ้าสำราญ ผู้ชายเจ้าชู้ ผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานเรื่อง “กับดักเสน่หา, เพลิงบุญ, เมีย 2018 (สองพันสิบแปด) รักเลือกได้, อุ้มรักเกมลวง, วันทอง, ซุปตาร์กับหญ้าอ่อน” ซึ่งคาแรกเตอร์ของ “สามี” ในหลากหลายบุคลิกที่ “ป้อง” ถ่ายทอดออกมานั้น ได้กลายเป็นภาพจำให้กับแฟนๆ ละครไปแล้ว


นอกจากบทบาทสามีที่เป็นที่จดจำ “ป้อง” เองก็ยังมีละครหลายเรื่องที่ทำการแสดงไว้ได้อย่างน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็น “กาหลมหรทึก” (กา-หน-มะ-หอ-ระ-ทึก), สายรุ้ง และผลงานล่าสุดที่กำลังจะออนแอร์ทางช่องวัน 31 เรื่อง “ต้นร้ายปลายรัก” ที่ “ป้อง” ได้ประกบคู่กับนางเอกรุ่นน้องอย่าง “เฟิร์น นพจิรา”
ละคร “ต้นร้ายปลายรัก” ถือเป็นละครโรแมนติก ซึ่งมีเรื่องราวที่เริ่มต้นจาก “ความร้าย” นำพาให้ “เขาและเธอ” ได้มาเจอกับ “ความรัก” แต่รักที่เกิดบนความร้ายจะมีปลายทางเช่นไร? ซึ่งผลงานเรื่องนี้ หนุ่ม “ป้อง” จะกลับมาพลิกคาแรกเตอร์เป็นพระเอกอบอุ่นแสนโรแมนติกได้ละมุนขนาดไหน ต้องติดตามชมกันทางช่องวัน 31


ขอบคุณภาพจาก instagram @pongnawat