เมื่อได้ดูเพอร์ฟอร์มของสาว “เบลล่า-ราณี แคมเปน” ในการแสดงวาไรตี้โชว์ “หมู่ 2” ที่สร้างสรรค์โดย “โน้ต-อุดม แต้พานิช” แล้วสนุกสนานมาก เห็นได้ชัดว่า “เบลล่า” เธอคือศิลปินที่มีความสามารถรอบตัวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการร้อง การเต้น รวมถึงสกิลความตลกที่เป็นธรรมชาติ ชนิดที่คนที่ได้ดูการแสดงสด ต่างก็ยอมรับในความสามารถของนางเอกคนนี้ที่สั่งสมประสบการณ์มากกว่า 12 ปี
“เบลล่า ราณี” เข้าวงการบันเทิงด้วยการเริ่มต้นในบทนางร้าย จากละคร “รอยมาร” ด้วยความสวยและรอยยิ้มขยี้ใจของเธอทำให้นักแสดงหน้าใหม่ที่ชื่อ “เบลล่า” เริ่มฉายแสง และในอีก 2 ปีต่อมาเธอก็ได้รับบทนำเป็นนางเอกครั้งแรกในละคร “พร-พรหม-อลเวง” ประกบคู่กับ “บอย ปกรณ์”
จากนั้นจังหวะชีวิตในเส้นทางบันเทิงก็เปลี่ยน เมื่อ “เบลล่า” ได้มารับ “กรองแก้ว” นางเอกของละครเรื่อง “คุณชายพุฒิภัทร” หนึ่งในละครชุด “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นกระแสโด่งดัง ทั้งเรตติ้ง และกระแสความจิ้นระหว่างคู่ขวัญ “เบลล่า” และ “เจมส์ จิรายุ”
จากบทหวานๆ “เบลล่า” ก็พลิกมารับบท “คุณน้ำทิพย์” ในละครประวัติศาสตร์ ดราม่า เรื่อง “ลูกทาส” คู่กับ “เคน ภูภูมิ” ซึ่งผลงานเรื่องนี้ทางผู้จัด “ทีวีซีน” ได้รับคำชมมากมาย ซึ่ง “เบลล่า” ถือเป็นนางเอกดาวรุ่งของช่อง 3 ที่ได้ท้าทายความสามารถในบทบาทการแสดงที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่อง “เพลิงฉิมพลี”, “ภพรัก”, “วิมานเมขลา” และ “ปดิวรัดา” (ปะ ดิ วะ รัด ดา) ที่หวนกับมาจับคู่กับพระเอกคู่บุญ “เจมส์ จิรายุ” อีกครั้ง


ในความสามารถทางการแสดงที่พีคขึ้นเรื่อยๆ “เบลล่า” ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับดารานักแสดงฝีมือขั้นเทพมากมาย อย่างในละครเรื่อง “เพลิงบุญ” ที่ “เบลล่า” ต้องปะทะกับนางเอกตัวแม่ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” และ พระเอกตัวพ่อ “ป้อง ณวัฒน์” ซึ่งเมื่อละครออนแอร์แล้ว ก็ได้รับฟีดแบคที่ดีมาก จนช่อง 3 ต้องนำละครกลับมาฉายรีรันหลายต่อหลายครั้ง
แต่ผลงานที่ถือเป็นมาสเตอร์พีชของนางเอก “เบลล่า ราณี” ที่ได้รับทั้งคำชื่นชม รางวัล และเรตติ้งที่กลายเป็นกระแสความนิยมติดลมบนมายาวนานมากก็คือ ละคร “บุเพสันนิวาส” และ “กรงกรรม” ซึ่งผลงานทั้งสองเรื่องนี้ ถือเป็นผลงานที่เห็นประจักษ์แก่สายตาว่า “เบลล่า-ราณี แคมเปน” คนนี้ เธอเป็นนักแสดงที่มีของจริงๆ
จากความสำเร็จแบบถล่มทลายของละคร “บุพเพสันนิวาส” ทำให้คู่พระนาง “เบลล่า โป๊ป” กลายเป็นนักแสดงคู่ขวัญที่ได้รับความนิยมล้นหลาม จนมีผลงานคู่กันตามมาอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “ร้อยเล่ห์มารยา”, ภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” และ “พรหมลิขิต” ที่เป็นภาคต่อของละคร “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งถ่ายทำ คาดว่าจะได้รับชมกันประมาณปีหน้า
สำหรับผลงานที่ได้รับคำชมอีกเรื่องหนึ่งก็คือ “กรงกรรม” ละครดราม่าเข้มข้นที่ “เบลล่า” ไม่ได้เป็นนางเอก แต่บท “เรณู” ที่เธอแสดงนั้น เป็นตัวเอกของเรื่องที่ “เบลล่า” พลิกคาแรกเตอร์และใส่อินเนอร์ทุ่มสุดตัวเพื่อแสดงออกมาได้อย่างกลมกล่อม

นอกจากนี้ “เบลล่า” ยังมีผลงานภาพยนตร์ทำเงินถึง 2 เรื่องคือ “อีเรียมซิ่ง” เข้าฉายในปี 2563 ทำรายได้ไปกว่า 200 ล้านบาท และ “บุพเพสันนิวาส 2” ในปี 2565 ทำรายได้ไป 390 กว่าล้านบาท ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากความนิยมในตัวของ “เบลล่า” ที่มีแฟนๆ ชื่นชอบและให้ความซัพพอร์ตอย่างเหนียวแน่น
ซึ่งนอกจากความทุ่มเทในการทำงานที่เห็นได้จากผลงานต่างๆ ที่ออกมา “เบลล่า ราณี” ถือเป็นนางเอกตัวท๊อปของวงการบันเทิงไทยที่เป็นที่รักของแฟนคลับและคนที่ได้ร่วมงาน ซึ่งหลายๆ คนที่เคยทำงานกับ “เบลล่า” มักจะเอ่ยปากชมถึงความมีน้ำใจ ความขยัน อดทน ติดดิน รวมถึงนิสัยเฟรนด์ลี่ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ “เบลล่า” นางเอกยอดนิยมคนนี้ อยู่ในวงการมาได้อย่างยาวนาน



ขอบคุณภาพจาก instagram @bellacampen